ทรัพย์สินทางปัญญา : สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์สร้างแนวคิดในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์
ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยทรัพย์สินทางปัญญา : สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์”
เพื่อสร้างแนวคิดในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและผลิตภัณฑ์ในจังหวัดน่าน ให้ผู้เข้าร่วมอบรมสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการดำเนินการด้านสินค้า GI และเผยแพร่ความรู้ต่อไปสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือ Thai Geographical Indication (GI) หมายถึง เครื่องหมายที่ใช้กับสินค้าที่มาจากแหล่งผลิตที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งคุณภาพหรือชื่อเสียงของสินค้านั้นๆ เป็นผลมาจากการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว (อ้างอิงจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา www.ipthailand.go.th) โดยในปัจจุบัน จังหวัดน่านมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI แล้วจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ส้มสีทองน่าน (ขึ้นทะเบียนวันที่ 4 มีนาคม 2553) ญอกมละบริน่าน (ขึ้นทะเบียนวันที่ 23 ธันวาคม 2553) และข้าวก่ำล้านนา (ขึ้นทะเบียนเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551) นอกจากสิ้นค้า GI ทั้ง 3 ชนิดแล้ว จังหวัดน่านยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีศักยภาพ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม หรือเป็นสินค้าที่บริโภคกันเป็นประจำภายในชุมชน แต่ยังไม่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกหลายชนิด เช่น ผ้าลายน้ำไหล เครื่องเงินภูคา เกลือภูเขา อำเภอบ่อเกลือ และสาหร่ายไก อำเภอท่าวังผา ตลอดจนพืชผักผลไม้ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในตลาดและจานอาหารในครัวเรือน เช่น มะแขว่น มะไฟจีน เงาะ งาขี้ม้อน เป็นต้น จากในสถานการณ์ปัจจุบัน จังหวัดน่านกำลังเผชิญกับปัญหาด้านความเสื่อมโทรมและการลดลงของพื้นที่ป่า โดยมีสาเหตุมาจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวในปริมาณที่มากเกินไป ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมหลายประการเช่น การสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ การพังทลายของหน้าดิน ปัญหาการตกค้างและการปนเปื้อนของสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่ได้ฝังตัวให้บริการวิชาการและบริการวิจัยในจังหวัดน่านมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี ได้ตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมอาชีพทางเลือกให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยสนับสนุนและผลักดันให้เกษตรกรมีทางเลือกในการประกอบอาชีพที่มากขึ้น หรือการใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นให้มีศักยภาพในการแข่งขันและสร้างมูลค่าเพิ่มเติมให้เกษตรกรมีรายได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อลดความต้องการพื้นที่ป่าสำหรับใช้ในการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว ซึ่งดำเนินการภายใต้แนวทางการทำงานของโครงการนวัตกรรมการปลูกป่าโดยใช้ 3 เทคโนโลยีและโครงการรักษ์ป่าน่าน ภายใต้พันธกิจ 3 ประการ คือ การสร้างป่า การสร้างอาชีพ และการปลูกจิตสำนึก รวมทั้งเพื่อเป็นการตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรม และการสร้างสรรค์สังคมไทย ตลอดจนตอบสนองต่อการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ในการใช้ประโยชน์และสร้างการเติบโตบนฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในขีดความสามารถของระบบนิเวศ จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยทรัพย์สินทางปัญญา : สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 103 อาคารวิชชาคาม 2 สถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีผาสิงห์ ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน มีผู้เข้าอบรมจากสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่ สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาน่าน วิทยาลัยสงฆ์นครน่าน วิทยาลัยชุมชนน่าน สำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน วิทยาลัยน่าน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ จำนวนทั้งสิ้น 37 คน ในการนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ชัชวาล ใจซื่อกุล รองผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ และได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงหทัย เพ็ญตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันทรัพย์สินทางปัญญาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CUIP) เป็นวิทยากรบรรยาย กิจกรรมในช่วงเช้าประกอบด้วยการบรรยายเรื่องภาพรวมทรัพย์สินทางปัญญา และเรื่องสิ่งบ่งชื้ทางภูมิศาสตร์ และภาคบ่ายเป็นภาคปฏิบัติในหัวข้อ ความเป็นไปได้และแนวทางของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จากน่าน
รองศาสตราจารย์ ดร. ดวงหทัย เพ็ญตระกูล เผยว่า น่านมีองค์ความรู้ที่อยู่ที่นี่ทั้งในรูปแบบที่เป็นสถาบันการศึกษาในด้านของเทคโนโลยี
อีกอันที่น่าสนใจคือองค์ความรู้ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา เราสามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องพวกนี้ได้ บางทีเราได้ยินเรื่องทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนบางอย่างที่อยู่ดีๆ ก็เป็นเรื่องใหม่ที่เข้ามาหา เราสามารถสร้างความเข้าใจกับเรื่องนี้ได้ในหลายระดับ ตั้งแต่รุ่นเด็กจนถึงผู้ใหญ่ แต่เราจะใช้การสื่อสารแบบไหนในการสื่อ อย่างเช่นในเยาวชน การให้ความรู้แต่แรก
ก็สำคัญเพราะเขาจะเติบโตเป็นรุ่นต่อๆไป อย่างผู้ที่เข้าอบรมวันนี้ คนที่เข้ามานั่งในนี้ คำถามคือเขามานั่งเพราะอะไร ถ้าเข้ามาแปลว่าเขาเริ่มสนใจแล้ว
ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา หรือมีอะไรที่อยากรู้ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี ถ้าย้อนกลับมาดูเหมือนเรามีทุนทรัพย์แล้วในสิ่งที่เรามีนี้เราจะบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ถ้าเราไม่รู้กฎกติกาชาวบ้านเขาทำอะไร แล้วบอกว่าเราอยากโต แต่เราไม่รู้ว่ากฎกติกาคืออะไร มันก็ดูว่าเราเสียเปรียบ เรามองได้หลากหลายมุมมองทั้งในแง่ที่ว่า
รู้จักเคารพสิทธิ์คนอื่น ให้เกียรติคนอื่น เหมือนเราไปหยิบฉวยของคนอื่น เช่น การที่เราไปถ่ายเอกสารงานของคนอื่น ในมุมเรา เราจะบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเราป็นคนถ่าย แต่ถ้าเปลี่ยนใหม่ เป็นเราเป็นคนเขียนแล้วมีคนมาถ่ายเอกสารงานของเรา แต่ไม่ขออนุญาต คุณรับได้ไหม มันเป็นการสร้างความเข้าใจ ความตระหนัก ปลูกฝังให้เค้ารู้ว่าการเคารพสิทธิ์เป็นยังไงและสิ่งที่ได้ขึ้นมา เขาได้ทรัพย์สินนั่นแล้วเขาจะแบ่งปันยังไงได้บ้าง
นายชัชวาลย์ ธนะขว้าง นักวิชาการพาณิชย์ จากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน ผู้เข้าอบรม กล่าวว่า การเข้าอบรมวันนี้เป็นการผลักดันผลิตภัณฑ์สินค้าจังหวัดน่าน ให้เป็น GI ซึ่งเป็นสิ่งดีที่จะเพิ่มมูลค่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆที่จะได้รับ GI ในเมืองน่าน หลังจากอบรมจะนำความรู้ที่ได้ไปส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่เป็น GI แล้ว หรือ ที่กำลังจะได้ GI จะเป็นการสนับสนุนในด้านการตลาดในเรื่องของการแปรรูป การตลาดปลายทางควบคู่ไปกับการให้ความรู้ในเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา