ผลงานวิจัยระดับปริญญาบัณฑิตในพื้นที่ป่าสะสมคาร์บอน จุฬาฯ สระบุรี คว้ารางวัลจากงานประชุมวิชาการระดับชาติ
ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค ร่วมกับภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับการเปรียบเทียบปริมาณคาร์บอนสะสมจากวิธีการศึกษาแบบดั้งเดิม (วางแปลงและเก็บข้อมูลต้นไม้ในพื้นที่ป่าภาคพื้นดิน) กับวิธีการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) บริเวณพื้นที่ป่าสะสมคาร์บอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี ในงานประชุมวิชาการระดับชาติ “การพัฒนาอย่างยั่งยืนครั้งที่ 1” ของคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการคัดเลือกให้เป็นการบรรยาย 1 ใน 9 ผลงานที่ได้รับรางวัล Outstanding Paper Awards
การศึกษาเปรียบเทียบฯ บริเวณพื้นที่ป่าสะสมคาร์บอน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สระบุรี นั้น เป็นการศึกษาแปลงปลูกป่าสัก 2 แปลงที่มีอายุปลูกต่างกัน แปลงแรกปลูกสักสายพันธุ์ “มเหสักข์” และ “สักสยามินทร์” จากโครงการ “รวมใจภักดิ์ ปลูกมเหสักข์-สักสยามินทร์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงมีพระชนมายุ 84 พรรษา” เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 มีต้นสัก 1,100 ต้น ในพื้นที่ 11 ไร่ ส่วนอีกแปลงเป็นแปลงปลูกป่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (แปลงปลูกป่าเพื่อคาร์บอนเครดิต) ที่นิสิตเก่ารุ่น 15 มาร่วมปลูกต้นสักเมื่อปี พ.ศ. 2565 และต่อมาได้ใช้เป็นโมเดลการปลูกป่าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มอัตราการอยู่รอดของกล้าไม้โดยใช้พลาสติกชีวภาพและพอลิเมอร์ดูดซึมน้ำสูง ร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทยในปี พ.ศ. 2566 มีต้นสักรวม 1,220 ต้น ในพื้นที่ 15 ไร่
ผลการศึกษาพบว่าปริมาณคาร์บอนสะสมในแปลงปลูกป่าจากการตรวจสอบ 2 วิธี มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยปริมาณคาร์บอนสะสมที่ได้จากวิธีการใช้ UAV มีค่าน้อยกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม เนื่องจากพบว่าการใช้เทคโนโลยี UAV ยังไม่สามารถจำแนกลำต้น (นาง) ของต้นสักได้ จึงจำเป็นต้องพัฒนาวิธีการหรือใช้เครื่องมือแบบใหม่ เช่น LiDAR ภาคพื้นดินมาประกอบการศึกษาต่อไป
โดยข้อมูลที่ได้จากการศึกษา สามารถนำมาใช้ประกอบการวางแผนการจัดการพื้นที่ป่าปลูก การปลูกซ่อม และจัดทำแผนที่ความละเอียดสูงเพื่อติดตามการเติบโตของต้นไม้ในโครงการป่าปลูกเพื่อการเรียนรู้คาร์บอนเครดิต จุฬาฯ สระบุรี และพื้นที่อื่น ๆ ในโครงการฟื้นฟูป่าของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





